วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทานอาหารในรถ อาจมีอาการอาหารเป็นพิษ

ในรถยนต์ถือว่าเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดี เพราะว่า อากาศไม่ถ่ายเท จอดรถตากแดด อุณหภูมิในรถก็สูง ส่งผลโดยตรงต่อการขยายพันธุ์ของเชื้อโรค และยิ่งถ้าเรานำอาหารเข้าไปรับประทานในรถ ก็จะมีเศษอาหารหล่นอยู่ในรถ ทำให้รถยนต์เป็นแหล่งเพราะเชื้อโรคที่คนมักจะมองข้าม

มีรายงานการวิจัยของอังกฤษ เกี่ยวกับจุลชีววิทยา ได้มีการเก็บตัวอย่างเชื้อโรคในรถ พบเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษสองชนิด โดยพบมากบริเวณพื้นรถ พวงมาลัย มือจับประตูรถ เบาะนั่ง เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังและอาหารเป็นพิษ

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แ้ก้ปัญหาการนอนไม่ค่อยหลับ

สำหรับคนที่นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ นอนไม่ค่อยหลับหลังจากตื่นมากลางดึก มีวิธีแก้ดังนี้
1. หาอะไรทำให้รู้ผ่อนคลาย ไม่มีความเครียดก่อนเข้านอน
2. นอนและตื่นให้เป็นเวลาทุกวัน
3. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับ เช่น ดื่มชา กาแฟ และก็ควรจะเล่นกีฬาก่อนเข้านอน 3-4 ชั่วโมง
4. จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการนอน คือ เป็นที่ที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ีมีเสียงรบกวน
5. ไม่วิตกถึงอาการนอนไม่หลับ เพราะยิ่งเป็นการตอกย้ำจิตใต้สำนึก และเกิดความกลัวว่าจะนอนไม่หลับ
6. เมื่อนอนไม่หลับควรลุกจากเตียงและหากิจกรรมอื่นทำ ไม่ควรพยายามนอนหลับ เพราะจะยิ่งทำให้เครียดและนอนไม่หลับ

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อาการ กับ อาหารที่ควรเลี่ยง

แม้ว่าอาหารจะได้ชื่อว่าเป็นยาตามธรรมชาติ แต่หากเรากินไม่เหมาะกับอาการที่เป็นอยู่ อาหารเหล่านั้นกลับจะยิ่งเพิ่มปัญหาให้กับเรามากยิ่งขึ้นไปอีก ดังอาหารทั้ง 3 อาการต่อไปนี้นะคะ


- ท้องผูก vs ข้าวสาลี

สาเหตุนึงของการถ่ายไม่ออกหรือถ่ายยากนั้นเป็นเพราะคุณกินอาหารที่มีกากใยน้อยเกินไป ดังนั้นการกินข้าวสาลีซึ่งมีโปรตีนกลูเตนสูง จึงยิ่งทำให้อุจาระเหนียว แข็ง และท้องผูกมากยิ่งขึ้นไปอีก

ควรกินอาหารที่มีกากใย เช่น ข้าวกล้อง ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว น้ำแอนไซม์ และอาหารจำพวกที่มีสารหล่อลื่น เช่น ฟักทอง มัน กระเจี๊ยบเขียว เพื่อช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวลง และขับถ่ายง่ายยิ่งขึ้น

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เกร็ดเล็ก น้อยในการปรุงอาหารผักให้ได้คุณค่า

1. การหั่นผักแล้วล้าง น้ำจะทำให้วิตามินซีในผักสูญเสียไป เพราะวิตามินซีสลายตัวได้ง่ายในน้ำ ดังนั้นจะต้องล้างผักก่อนแล้วจึงหั่น และเมื่อหั่นเสร็จแล้ว ควรปรุงทันที

2. หลังปรุงแล้วควรรับประทานทันที เพราะการทำทิ้งไว้นาน ๆ หลังปรุง จะทำให้สิ่งมีคุณค่าทางอาหารสูญเสียไปได้

3. วิธีการหุงต้มผักทุกชนิดล้วนมีผลต่อการสูญเสียวิตามินซี เนื่องจากวิตามินซีละลายน้ำได้ ดังนั้นการรับประทานผักต้ม จะต้องรับประทานน้ำแกงด้วย การต้มควรจะต้มในน้ำน้อย ๆ และใช้เวลาสั้น ๆ

4. การปรุงอาหารจำพวกผัก ถ้าเติมน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร และรักษาวิตามินซีไว้ด้วย

โยคะ ท่าปลา

หลังจากที่แนะนำเกี่ยวกับการทำโยคะท่ายืนด้วยไหล่เพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์และต่อมพาราไทรอยด์ไปแล้ว วันนี้ก็จะนำเสนอท่าโยคะอีกท่าที่เมื่อทำควบคุ่ไปกับท่ายืนด้วยไหล่การทำงานของต่อมไทรอยด์และต่อมพาราไทรอยด์จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็คือ โยคะท่าปลาค่ะ

1. นอนหงาย เท้าชิดกัน มือทั้งสองวางคว่ำอยู่ข้างลำตัว ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย
2. กดศอกลงกับพื้น แอ่นหลังและยกหน้าอกขึ้น ปล่อยให้ส่วนกลางของศรีษะแตะพื้น สูดลมหายใจเข้า - ออก สบาย ๆ ระวังอย่าเกร็งคอและไหล่ น้ำหนักจะเฉลี่ยอยู่ที่กลางศรีษะ ศอก มือ และเท้าทั้งสองข้าง อยู่ในท่านี้สักพักหนึ่งตามขีดความสามารถของแต่ละบุคคล
3. เมื่อจะจบท่านี้ให้ขยับศรีษะ แล้วค่อย ๆ เลื่อนศรีษะและลำตัวออกไปจนแนบกับพื้น ปล่อยมือทั้งสองออก วางคว่ำข้างลำตัว

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

โยคะ ท่ายืนด้วยไหล่

การฝึกโยคะนอกจากจะช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้นแล้ว โยคะัยังช่วยให้สุขภาพจิตใจดีขึ้นด้วย ดังนั้นวันนี้จะแนะนำท่าโยคะท่ายืนด้วยไหล่นะค่ะ

โยคะท่ายืนด้วยไหล่จะกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์และต่อมพาราไทรอยด์

1. นอนหงายราบกับพื้น เท้าทั้งสองชิดกัน ค่ำมือทั้งสองไว้ข้างสำโพก สูดลมหายใจเ้ข้า-ออก 2-3 ครั้ง
2. ผ่อนลมหายใจออก งอเข่าทั้งสองขึ้น พับเข้ามาที่หน้าท้อง ให้ต้นขาช่วงบนชิดหน้าท้องน้อย สูดลมหายใจเข้า-ออก 2-3 ครั้ง
3. ยกขาทั้งสองตั้งฉากกับพื้น ผ่อนลมหายใจออก ยกสะโพกขึ้นพับแขนขึ้น ศอกยันพื้นไว้ ใช้มือทั้งสองช่วยพยุงสะโพกและลำตัวให้ตั้งตรง ค่อย ๆ ยกขาตั้งขึ้นโดยใช้กล้ามเนื้อสะโพกและต้นขา อย่าใช้แรงเกร็ง ยกขึ้นจนขาเหยียดตรง ลำตัวตั้งขึ้น คางจรดอก สูดลมหายใจเข้า-ออกลึกและยาวตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล อยู่ในท่านั้นสักพักหนึ่ง
4. ผ่อนลมหายใจออก ลดขาลงทางด้านหลังศีรษะ ปล่อยมือทั้งสองคว่ำลงกับพื้น ค่อย ๆ หย่อนสะโพก ปล่อยขาลงพื้น โดยให้กระดูกสันหลังแตะพื้นทีละข้อจนหลังแนบพื้น ขาทั้งสองตั้งฉากกับพื้น จากนั้นงอเข่าและปล่อยเท้าทั้งสองลง หัวเข่าตั้งขึ้นแล้วเหยียดขาและเท้าทั้งสองออกไปจนส้นเท้าสัมผัสพื้น

คำเตือน ท่านี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มต้นฝึกโยคะค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ท่าบริหารเพื่อขากระชับ

วันนี้มีวิธีบริหารกล้ามเนื้้อขามาฝากนะค่ะ เพราะว่าการออกกำลังกายเป็นวิธีเสริมสร้างความสวยที่ดีที่สุด นอกจากจะทำให้ร่างกายโดยรวมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยส่งเสริมให้อวัยวะทุกส่วนดูดีขึ้นได้ สำหรับสาวที่ต้องการกระชับเรียวขาให้แข็งแรง ฟิตสวย บริหารขาด้วย 3 ท่าต่อไปนี้ต่อเนื่องกันทุกวัน นาน 2 อาทิตย์ขึ้นไป รับรองไม่ผิดหวังค่ะ

1. เขย่งเท้า
ยืนชิดเท้า ค่อย ๆ เขย่งส้นเท้าขึ้นให้มากที่สุด จากนั้นค่อย ๆ ลดส้นเท้าลงกับพื้น สู่ท่ายืนตามปกติ ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่านี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อน่องแข็งแรง และช่วยสร้างสมดุลการทรงตัว

2. นั่งยอง ๆ
ยืนแยกเท้ากวางเท่าสะโพก กอดแขนระดับอก จากนั้นลดตัวลงเหมือนกำลังจะนั่งเก้าอี้ ให้เข่างอทำมุมประมาณ 120 องศา นับ 1-5 กลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่านี้จะช่วยกระชับกล้ามเนื้อต้นขา และเอ็นร้อยหวาย

3. ก้าวขา ย่อตัว
ยืนแยกขา เท้ากว้างเท่าสะโพก ปล่อยมือไว้ข้างลำตัว หลังตรง ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า พร้อมทั้งย่อเข่าทั้ง 2 ข้างลงให้เข่าซ้ายทำมุม 90 องศา ส่วนเข่าขวาเกือบแตะพื้น เปิดสันเท้าขวาค้างไว้ นับ 1-5 จากนั้นค่อย ๆ กลับสู่ท่าเตรียม ทำอีกครั้ง โดยสลับเอาเท้าขวาไว้ด้านหน้า นับเป็น 1 ครั้ง ทำทั้งหมด 10 ครั้ง
ท่านี้ช่วยกระชับกล้ามเนื้อขาทั้งหมด สร้างสมดุล

อยากสวยวันสวยคืน สุขภาพร่างกายแข็งแรง ต้องออกกำลังกายนะค่ะ